Afterword: Revenge by Yoko Ogawa

 
 

บทส่งท้าย (あとがき) หนังสือ Revenge โดยผู้เขียน Yoko Ogawa

 
Photo by papercuts.co

 
 

Highlight

“แต่การเขียนวรรณกรรมนั้นไม่ใช่การสลักเรื่องราวลงไปบนผนังถ้ำ ทุกวันนี้ฉันกลับคิดว่า การเขียนวรรณกรรมนั้นเป็นการอ่านถ้อยคำที่สลักอยู่บนผนังถ้ำต่างหาก” - Yoko Ogawa


บทส่งท้าย (あとがき) หนังสือ Revenge: Eleven Dark Tales ของผู้เขียน Yoko Ogawa แปลจากภาษาญี่ปุ่น 寡黙な死骸 みだらな弔い มาเป็นภาษาไทย ชื่อหนังสือว่า เรือนร่างเงียบเชียบ การบอกลาเย็นเยียบน่าขยะแขยง แปลโดยนลินญา จรูญเรืงฤทธิ์ สำนักพิมพ์ไจไจบุ๊คส์ ตีพิมพ์ครั้งแรก


 
 

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังจูงสุนัขเดินเล่น เด็กชายวัยประมาณมัธยมต้นก็เดินเข้ามาทักฉัน

“ผมลูบหัวมันได้ไหมครับ” เขาถาม ฉันตอบว่า “เชิญเลย” แล้วสั่งให้สุนัขนั่งลง

เด็กชายดูสนใจสุนัข แต่เขาก็ยังเก้ๆ กังๆ ยื่นมือสุดแขนออกไปลูบหัวสุนัขอย่างระมัดระวัง

“อายุเท่าไหร่แล้วครับ”

“ห้าขวบแล้วจ้ะ”

“ยังเด็กอยู่เลยนะครับ”

“ไม่เด็กแล้วจ้ะ มันเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เพราะอายุขัยของสุนัขนั้นก็แค่ประมาณสิบห้าปี”

“เอ๊ะ...”

เขาหยุดมือที่ลูบหัวมันอยู่ แล้วอุทานห้วน

“มันจะมีชีวิตอยู่ได้แค่สิบห้าปีเท่านั้นหรือครับ”

ฉันรู้ดีว่าเขาแสดงความตกใจจากก้นบึ้งจริงๆ

“อือ… ถ้าอย่างนั้น ก็อีกไม่นานแล้วสินะครับ”

คราวนี้เขาลูบไล้มันตั้งแต่หัวจนถึงคออย่างบรรจง

“ถ้าสุนัขตัวใหญ่ขนาดนี้ตาย จะต้องทำอย่างไรกับมันครับ”

เขาหมายถึงสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ เพศผู้ ซึ่งมีน้ำหนักตัวพอๆ กับฉัน สุนัขดูมีความสุขกับการถูกลูบหัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าพวกเรากำลังพูดถึงการตายของมันอยู่

“ถ้าสุนัขตัวใหญ่ขนาดนี้ตาย มันจะเป็นอย่างไรนะ”

เด็กผู้ชายพูดซ้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่ประโยคคำถามที่เขาตั้งใจจะถามใคร

ฉันกำลังคิดว่าควรจะตอบอะไรออกไปสักอย่าง อย่างไรก็ตาม ฉันอยากจะทำให้เด็กที่มีจิตใจอ่อนโยนและมีมารยาทคนนี้รู้สึกอุ่นใจ แต่สิ่งที่ออกจากปากฉันนั้นมีแต่คำพูดที่เฉไฉไปเรื่อย เช่น ปล่อยให้บริษัทที่จัดการเรื่องเผาศพของสัตว์ดูแลก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร หรือไม่ก็พูดว่า ยังเหลือเวลาอีกตั้งสิบปีนะ

 
 

หนังสือที่ ฆอร์เก หลุยส์ บอร์เฆส ตั้งใจว่าจะเขียน กลับมีคนเขียนไปก่อนหน้าเรียบร้อยแล้ว ในฐานะนักเขียน ความคิดแวบแรกอาจมองว่าช่างไม่เป็นอิสระเอาเสียเลย แต่ที่จริงแล้ว นั่นกลับช่วยให้เกิดการพัฒนาสู่ความเป็นไปได้ที่สร้างสรรค์อย่างรวดเร็ว สมัยก่อนตอนที่ฉันลิ้มรสประสบการณ์การอ่าน สิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขมากที่สุดคือ อืม… เรื่องที่กำลังอ่านอยู่ตอนนั้น มันผ่านมานานมากแล้ว แวบหนึ่งฉันรู้สึกเหมือนใครสักคนที่ฉันไม่รู้จักหน้าและไม่รู้จักชื่อสลักเรื่องราวลงไปในถ้ำแห่งความลับ และคนอย่าง พอล ออสเตอร์ ยาสึนาริ คาวาบาตะ และกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ก็เอาเรื่องเหล่านั้นมาเล่าให้ฉันฟัง

แต่การเขียนวรรณกรรมนั้นไม่ใช่การสลักเรื่องราวลงไปบนผนังถ้ำ ทุกวันนี้ฉันกลับคิดว่า การเขียนวรรณกรรมนั้นเป็นการอ่านถ้อยคำที่สลักอยู่บนผนังถ้ำต่างหาก ถ้าฉันสามารถถอดความถ้อยคำที่มีอยู่แล้วบนนั้นได้ ฉันก็คงเล่าเรื่องราวให้เด็กผู้ชายคนนั้นฟังได้ว่าหลังจากที่สุนัขตายแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป

ครั้งนี้ ฉันยินดีที่เรื่องเศร้าจากการสูญเสียทั้งหมดสิบเอ็ดเรื่องได้เผยแพร่ให้อ่านกันอีกครั้งในรูปแบบบุนโคบัน* ด้วยความกรุณาของคุณโทโมเนะ โยโคตะ แห่งสำนักพิมพ์ชูโคะรน-ชินฉะ ที่ให้ความอบอุ่นและอยู่เคียงข้างผลงานของฉันเสมอมา

ท้ายสุด ฉันอยากจะขอบพระคุณทุกคนที่ถือหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือเป็นอย่างสูง

โยโกะ โอกาวะ

2003.2

 

*Bunkoban รูปแบบหนังสือปกอ่อนขนาดเล็กในญี่ปุ่นที่มีราคาถูกกว่าฉบับปกติ มักมีขนาดเพียง A6 แต่มีความหนามากกว่า [บรรณาธิการต้นฉบับภาษาไทย]

 
14067774_10153734626267111_144200807805353701_o.jpg
 
 

Translation: Lyn Nynlynya
Photos: manita-s.tumblr.com

 
 
 
 

Related Post